Monday 31 October 2016

พอเอ่ยปากก็พูดว่าลำบาก ความเจริญก้าวหน้าก็ออกห่างเธอแล้ว

#อ่านเหอะนะ #โคตรดีเลย. ยาวแต่โคตรมีประโยชน์
โปรดสละเวลา อ่านสักนิด
เพื่อ ตัวคุณ เอง ...
ข้อคิดดีๆน่าแบ่งปัน
หวังอวิ๋นเป็นพนักงานสาวที่สวยมาก เธอทำงานเกือบสามปีแล้ว เพื่อนพนักงานคนอื่นที่เข้าทำงานที่บริษัทหลังเธอ ต่างก็ทยอยได้โอกาสเลื่อนตำแหน่ง แต่เธอยังอยู่ในตำแหน่งเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ในใจเธอจึงรู้สึกอึดอัดบอกไม่ถูก...
ในที่สุดวันหนึ่ง เธอจึงยอมเสี่ยงการถูกเลิกจ้าง เข้าไปหาเจ้าของบริษัทเพื่อถามสาเหตุ...
“เถ้าแก่คะ ฉันเคยมาสาย กลับก่อนหรือทำผิดระเบียบบริษัทหรือไม่?”
@ เถ้าแก่ตอบโดยไม่คิดว่า “ไม่เคย”
“งั้นบริษัทมีอคติกับฉันใช่ไหม?” @เถ้าแก่ชะงักไปนิดนึง แล้วพูดว่า “ไม่มีแน่นอน”
“แล้วทำไมคนที่ประสบการณ์น้อยกว่าฉันจึงได้รับการเลื่อนตำแหน่ง แต่ฉันกลับอยู่ในตำแหน่งเดิมไม่เปลี่ยนแปลง”
เถ้าแก่อึ้งไปครู่หนึ่ง แล้วพูดอย่างยิ้มๆว่า “เรื่องของเธอเดี๋ยวไว้ค่อยคุยกัน ตอนนี้พอดีฉันมีเรื่องด่วน งั้นเธอลองช่วยฉันจัดการเรื่องนี้ได้ไหม?”
........
เถ้าแก่บอกว่า “มีลูกค้ารายหนึ่งกำลังจะมาที่บริษัทเพื่อเยี่ยมชมสินค้า เธอไปติดต่อกับพวกเขานะ ถามว่าจะมาเมื่อไร”
“นี่เป็นหน้าที่ที่สำคัญมาก” ก่อนออกไป หวังอวิ๋นไม่ลืมที่จะพูดกับตัวเอง
ผ่านไปสิบห้านาที เธอกลับมาที่ห้องทำงานของเถ้าแก่
“ติดต่อได้ไหม?” เถ้าแก่ถาม
“ติดต่อได้แล้วค่ะ พวกเขาบอกว่าอาจจะมาอาทิตย์หน้า”
“แล้วอาทิตย์หน้าวันที่เท่าไร?”
เถ้าแก่ถาม
“อันนี้ฉันไม่ได้ถาม”
“แล้วพวกเขาจะมากันกี่คน”
“อ้าว ท่านไม่ได้บอกให้ฉันถามเรื่องนี้นี่คะ”
“แล้วพวกเขามารถไฟหรือเครื่องบิน?”
“เรื่องนี้ท่านก็ไม่ได้บอกให้ฉันถามนี่คะ”
เถ้าแก่ไม่พูดอะไรอีก เขาโทรศัพท์เรียกจางอี๋เข้ามา...
จางอี๋ทำงานที่บริษัทหลังเธอหนึ่งปี ตอนนี้เป็นผู้รับผิดชอบของแผนกหนึ่ง จางอี๋ได้รับการมอบหมายหน้าที่เหมือนกับที่เมื่อครู่ที่เธอได้รับ สักพักหนึ่ง จางอี๋ก็กลับมา
“เป็นอย่างนี้ค่ะ............”
จางอี๋ตอบ “พวกเขาจะนั่งเครื่องบินเที่ยวบ่ายสามโมงของวันศุกร์หน้ามาค่ะ คาดว่าจะมาถึงตอนค่ำหกโมง พวกเขาจะมากันห้าคน นำทีมโดยผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อชื่อคุณหวัง ฉันได้บอกพวกเขาแล้วว่า บริษัทของเราจะส่งคนไปรับพวกเขาที่สนามบิน”
“นอกจากนั้น พวกเขาวางแผนที่จะมาเยี่ยมชมบริษัทสองวัน ส่วนรายละเอียดเมื่อมาถึงแล้วทั้งสองฝ่ายค่อยปรึกษากัน และเพื่อให้สะดวกกับการทำงาน ฉันเสนอให้พวกเขาพักที่ International Hotel ที่อยู่ใกล้ๆบริษัท ถ้าท่านเห็นด้วย พรุ่งนี้ฉันจะจองเรื่องห้องพักไว้ล่วงหน้า”
“ยังมีค่ะ พยากรณ์อากาศบอกว่าอาทิตย์หน้าจะมีฝนตก ฉันจะคงการติดต่อกับพวกเขาตลอดเวลา ถ้ามีอะไรเปลี่ยนแปลง ฉันจะรายงานท่านทันที”
หวังอวิ๋นที่ดูอยู่ข้างๆรู้สึกอายจนหน้าแดง เดินออกจากห้องทำงานไปโดย ไม่พูดอะไรอีก
คืนนั้น เธอได้รับ message จากเถ้าแก่ดังนี้
-------------------------------
หวังอวิ๋น ไม่ว่าเธอจะทำงานที่ไหน ขอให้จดจำกฎทองเหล่านี้เอาไว้
1 : งานจะไม่เลี้ยงดูคนที่ว่าง ทีมงานจะไม่เลี้ยงดูคนที่ขี้เกียจ
2 : การเข้าทำงานใดก็ตาม ก่อนอื่นอย่าได้นึกแต่ว่าจะได้รายได้ ให้เรียนรู้ก่อนว่าจะทำให้ตนเองมีคุณค่าได้อย่างไร
3 : ไม่มีเงินจากธุรกิจใดๆที่หาได้โดยง่าย
4: การทำงาน ไม่มีงานไหนๆที่จะราบรื่นไปทั้งหมด ได้รับความคับข้องใจบ้างเป็นเรื่องธรรมดา
5: ไม่ได้รายได้ ก็ได้ความรู้ ไม่ได้ความรู้ ก็ได้ประสบการณ์ ไม่ได้ประสบการณ์ ก็ได้ความโชกโชน เมื่อสิ่งข้างต้นล้วนได้แล้ว ก็ไม่มีวันที่จะหาเงินไม่ได้
6 : มีเพียงการเปลี่ยนแปลงท่าทีของตนเองก่อน จึงจะสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตให้สูงขึ้น มีเพียงการเปลี่ยนแปลงท่าทีของการทำงานก่อน จึงจะสามารถมีอาชีพที่สูงขึ้น
7 : สาเหตุที่ทำให้คนเราเลอะเลือนเวิ้งว้างมีเพียงอย่างเดียว----นั่นก็คือในอายุที่ควรดิ้นรนต่อสู้ กลับคิดมากไป ทำน้อยไป
------------------------------
ขอมอบคำสามคำไว้ให้ : ตั้งใจทำ
เธอจึงได้เข้าใจโดยฉับพลันว่า ไม่มีใครหรอกที่เกิดมาก็สามารถรับผิดชอบงานใหญ่ ล้วนต้องทำโดยเริ่มจากงานเล็กๆที่เรียบง่ายและธรรมดา วันนี้ตัวเธอติดฉลากให้กับตนเองอย่างไร อาจบางทีก็จะกำหนดได้ว่าวันพรุ่งนี้ตัวเธอจะได้รับมอบหมายให้ทำงานใหญ่ได้หรือไม่
ระดับความเอาใจใส่จะส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพของการทำงานโดยตรง บริษัทใดๆก็ตามล้วนอยากได้พนักงานที่ทำงานกระตือรือร้นและมีความรับผิดชอบในงานได้ด้วยตัว เอง
พนักงานที่ดีเด่นมักไม่ใช่คนที่เอาแต่รอให้คนอื่นมอบหมายงานให้ แต่เป็นคนที่ไปทำความเข้าใจด้วยตัวเองว่าควรทำอะไร หลังจากนั้นก็ทำงานนั้นให้ลุล่วงอย่างเต็มกำลัง
//////////////////////////////////////
Jack Ma เคยพูดไว้ว่า
คนสิบประเภทที่จะไม่ได้เงินเดือนสูง ยิ่งไม่คุ้มค่าที่จะอุ้มชู
หนึ่ง : คนที่คิดแต่อยากได้หยุดสัปดาห์ละสองวัน
สอง : คนที่คิดแต่จะเข้างานเก้าโมงเช้าเลิกงานห้าโมงเย็น
สาม : คนที่คิดแต่จะใช้ชีวิตอยู่ด้วย basic salary
สี่ : คนที่จิตใจไม่มีความมุ่งหมาย
ห้า : คนที่ไม่มีความคิดที่ก้าวไปข้างหน้าตามกาลเวลา
หก : คนที่ทำงานเฉื่อยชา
เจ็ด : คนที่เป็นคนความประพฤติไม่เที่ยงตรง
แปด : คนที่ไม่กล้ารับผิดชอบ
เก้า : คนที่มักคิดว่าตนเองมีค่าสูงเกินเกินไป
สิบ : คนที่มักตำหนิว่าบริษัทไม่ดีพอ
///////////////////////////////////////////
ผู้ที่ก่อตั้งบริษัท Huawei กล่าวว่า : มีคนมากมายที่ถามผมว่า มาทำงานที่บริษัทมีหยุดอาทิตย์ละสองวันหรือไม่? จำเป็นต้องทำงานล่วงเวลาไหม?
ฉันยิ้มๆไม่ตอบ และเชิญพวกเขาให้ออกจากบริษัทอย่างสุภาพ
อยากสบาย ยังจะออกมาทำงานทำไม?
นอนขลุกอยู่แต่ที่บ้านก็ไม่ใช่ได้หยุดทั้งเจ็ดวันแล้วหรือ?
คนเรานั้น ถ้าไม่ถือโอกาสขยันตอนอายุยังน้อย ความหนุ่มสาวของเธอจะมีประโยชน์อะไร?
กล่าวกันว่าวัยหนุ่มสาวก็คือต้นทุน สิ่งที่ฉันอยากจะเพิ่มเติมก็คือ มีเพียงการต่อสู้บากบั่น ต้นทุนของเธอจึงจะมีคุณค่า มีเพียงการดิ้นรนต่อสู้ ความหนุ่มสาวของเธอจึงจะควรค่าแก่การเชิดชู
พอเอ่ยปากก็พูดว่าลำบาก ความเจริญก้าวหน้าก็ออกห่างเธอแล้ว
พอทำออกไปก็คิดถึงแต่ผลตอบแทน โอกาสก็ออกห่างเธอแล้ว
พอทำงานก็คิดแต่ประโยชน์ส่วนตัว ผลเก็บเกี่ยวที่จะได้ก็ออกห่างเธอแล้ว
พอเริ่มต้นก็คิดแต่จะพูดถึงเงื่อนไข อนาคตความก้าวหน้าก็ออกห่างเธอแล้ว
พอร่วมมือทำงานกันก็คิดแต่ว่าตนเองจะไม่เสียเปรียบได้อย่างไร ความสำเร็จของธุรกิจก็ออกห่างเธอแล้ว
เรื่องเล่านี้อ่านไว้สอนตัวเรา หรือลูกหลาน นะครับ

Thursday 27 October 2016

#เสื้อแดง บุกโรงพยาบาลจุฬา : เสียงปนสะอื้นของพยาบาลจุฬา

22.00 เราจะลบโพสนี้. >>> 

อ่านแล้วก็สะเทือนใจ และหวังว่าคนไทยจะไม่ลืมง่ายเกินไป 

ว่าไอกี้และแกนนำตอนนั้นทำอะไรไว้บ้าง มันไม่ใช่แค่คิดต่างนะครับ -@T3Thee 

>>>>>> คลิปประกอบเรื่องเล่า. เป็นหนึ่งในคลิปที่ดูแล้วร้องไห้. 

ชื่อคลิป : เสียงปนสะอื้นของพยาบาลจุฬา [HQ].mp4 

https://www.youtube.com/watch?v=hXleko42YfA&feature=youtu.be 





Mena Wachirapon จึงขออนุญาติก๊อปข้อความของพยาบาลที่ รพ.จุฬา มาให้ทุกคนอ่านค่ะ (เรา : ยกเว้น 2 บรรทัดแรก. เราคิดว่ามันเป็นเรื่องราวที่พยาบาลทุกคนในประเทศนี้ต้องอ่านประกอบวิชาชีพพยาบาล)

"คือ...พยาบาลไม่ได้โหดแบบนี้ทุกคนนะคะ แต่ทุกคนมีความคับแค้นใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่การแสดงออก อาจต่างกัน โดยส่วนตัว ได้เจอเหตุการณ์ตั้งแต่มันเริ่มตั้งแคมป์ สร้างค่าย คู ประตูรบ ไล่คนไข้ออกจากจุฬา... 

วันนั้น เราย้ายคนไข้ทั้งน้ำตา...คนเลวอย่างหาที่ติไม่ได้เท่านั้น จึงทำแบบนี้ได้ สมเด็จพระสังฆราชต้องย้ายหนีมัน ทั้งที่ทรงอาพาตและชรามาก จนสุดท้าย เราต้องปิดโรงบาล 

โรงบาลจุฬา มีประวัตินับร้อยปี รักษาผู้ป่วยโดยไม่เลือกชนชั้น ศาสนา แม้ผู้ชุมนุมเอง เราก็รักษา แล้วมันก็ออกไปใช้ลำโพงด่าเราเหมือนเดิม เจ้าหน้าที่จะเข้ามาทำงาน มันค้นถึงกระเป๋าตัง แล้วยึดเงินบ้าง โทรศัพท์บ้าง ลวนลามบ้าง สิ่งเหล่านี้มีใครรู้กับเราหรือไม่ 

ผู้บริหารจึงให้คนที่ไม่อยู่หอ ไม่ต้องมาทำงาน ส่วนคนอยู่หอ ก็ควงเวรไป 

สิ่งหนึ่งที่เราได้กำลังใจ คือ พระมหากรุณาธิคุณที่สมเด็จพระเทพทรงห่วงใยพวกเราพระราชทานน้ำ อาหาร ที่พอจะเก็บได้ พวกคุณทราบกันหรือไม่ ตอนแรกๆนั่น ยังพอมีผักให้เราได้ทานบ้าง มาตอนหลัง อาหารหลักคือไก่ทอดบ้าง หมูทอดบ้าง หลังสุด สิ่งที่เราได้กินทุกวัน ทุกมื้อ คือ แพนงหมู หรือ แพนงไก่ เพราะอะไรหน่ะหรือ ก็เพราะพวกนี้เก็บไว้อุ่นได้บ่อยๆ และมีน้ำขลุกขลิกพอราดข้าวได้หน่ะสิ พวกเราได้แต่คับแค้นใจ ก้มหน้ากินประทังชีวิตไป 

ตอนนั้น เส้นทางคลองเตยถูกตัดขาด เซเว่นของเข้าไม่ได้ อยากถามว่า ถ้าท่านเจอเหตุการณ์แบบเรา ท่านจะอยู่อย่างไร ควันแรกที่พวยพุ่งขึ้นจากเซนทรัลเวิล์ด เราได้แต่ยืนมองด้วยน้ำตาคลอเบ้า เป็นห่วงคนไข้ คนที่ย้ายไม่ได้ยังเหลืออีกเยอะ เราอยากให้ทุกอย่างจบโดยเร็ว ภาวนาให้รัฐบาลขณะนั้นทำอะไรเสียที จนด้านนอกเกิดความวุ่นวาย 

หลังเหตุการณ์คลี่คลาย เราก็เป็นคนหนึ่งที่ออกไปล้างถนน ถนนที่เคยมีความสวยงาม ตอนนี้มีแต่สิ่งปฏิกูล มันตั้งส้วมที่หน้าพระรูป รัชกาลที่6 หยาบหยามพระองค์ท่านมาก เราล้างถนนทั้งน้ำตา ตอนนั่นชาวกทม. ทุกอาชีพ ออกมาร่วมกันชำระถนน ชาวต่างชาติแถวนั้นออกมาแจกน้ำ คนใจบุญท่านใดไม่ทราบซื้อผงซักฟอกและอุปกรณ์ต่างๆมาให้เรา 


ถามว่า 

ถ้าใครก็ตาม 

ที่อยู่ในเหตุการณ์นี้ 

จะมีความแค้นไอ้อีเหล่านั้นหรือไม่ 


ไม่ต้องตอบค่ะ 
ให้ลองตอบกับตัวเองดู" 

#คัดลอกข้อความมา CR: Mena Wachirapon .... 



....

Saturday 1 October 2016

“ไม่ว่าพวกเราจะทำงานอะไรก็ตาม ทุกงานมีความยากง่ายหมด อยู่ที่ใครจะทน และอึดกว่ากัน” ซึ่งทำให้พวกเราทุ่มเท ในการทำงานในแต่ละงานที่ได้รับ และมีความภาคภูมิใจทุกครั้ง ที่ผลงานนั้นได้ออกอากาศสู่คนทั้งประเทศ

THE STORY FROM SENIOR

ชื่อ / Name : นายกสิณ อนุสาร (ช้าง) นักศึกษาสหกิจศึกษา ปีการศึกษา 2558

Cooperative Education Student 2016 มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง

ฝึกงานตำแหน่ง Asst.Director (ผู้ช่วยผู้กำกับ)

ช่วงเวลา 25 ม.ค. 59 – 13 พ.ค. 59

ความรู้สึกของการฝึกงานในสถานประกอบการ / The intern’s feedback on working in the authentic workplace

เริ่มต้นผมชอบงานทางด้านโปรดั่กชั่นเฮ้าส์ งานที่จะได้ลงมือทำจริงๆ ได้เจอผู้กำกับตัวจริง นักแสดงตัวจริง ผมก็ได้ตั้งใจไว้ว่าจะไปฝึกงานสหกิจศึกษาที่ บริษัท สกายเอ็กซิทส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัท ชั้นนำในการผลิตสื่อโฆษณาแนวหน้าของประเทศไทย

พอผมรู้ตัวว่าสถานประกอบการตอบรับก็รู้สึกดีใจมากและนัดวันสัมภาษณ์ เพราะเป็นงานที่ตรงสายกับที่ได้เรียนมาและตื่นเต้นที่ได้นำความรู้จากห้องเรียนไปใช้จริง วันแรกในการสัมภาษณ์ ก็รู้สึกดีตื่นเต้น เกร่งๆ จนพี่ต้อย เอ้ยปากถามมาคำนึ่ง ว่า “เราเป็นตุ๊ดหรอ” ซึ่งผมอดขำตัวเองไม่ได้ เพราะหน้าตัวเอง.... โคตรเถื่อน..... 

สิ่งแรกที่ผมได้รับจาก สกายเอ๊กซิทส์ คือ...โอกาส...

เป็นสิ่งเริ่มต้นที่ดีที่สุดสำหรับผมเลย เพราะโอกาส นำพาผมมาสู่การได้พบเจอหลายสิ่งหลายอย่างที่ผมได้รับ ที่นี่สอนให้ผมรุ้จักความรับผิดชอบ สอนให้ผมมีความรอบคอบ สอนให้เราทำงานร่วมกับคนอื่นได้ดี สอนให้เรารู้จักช่วยเหลือผู้อื่น แหละหลายครั้งที่ ผู้กำกับคนเก่งของพวกเรา “พี่อ่ำ” สอนให้พวกเรารู้จัก ความคิด คิดในแงบวกเข้าไว้ คิดในสิ่งดีดี ไม่มีดราม่า และชีวิตจะดี ..

สอนในเรื่องการทำงาน พูดอยู่เสมอว่า “ไม่ว่าพวกเราจะทำงานอะไรก็ตาม ทุกงานมีความยากง่ายหมด อยู่ที่ใครจะทน และอึดกว่ากัน” ซึ่งทำให้พวกเราทุ่มเท ในการทำงานในแต่ละงานที่ได้รับ และมีความภาคภูมิใจทุกครั้ง ที่ผลงานนั้นได้ออกอากาศสู่คนทั้งประเทศ 

ขอขอบคุณพี่ทุกคน ที่มีส่วนร่วมในประสบการณ์ฝึกงาน ที่ค่อยช่วยสอน แนะนำ ทุกๆๆอย่าง อย่างเต็มที่ ขอขอบคุณด้วยใจจริงครับ JR.CNG